วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การวิจัยเบื้องต้น - Presentation Transcript

การวิจัยเบื้องต้น - Presentation Transcript

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัย อรุณศรี เตชะเรืองรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์

การวิจัยเบื้องต้น

ความหมายของการวิจัย

เหตุผลในการทำวิจัย

ลักษณะที่สำคัญของการวิจัย

ประเภทของการวิจัย

ขั้นตอนในการวิจัย

เครื่องมือและเทคนิค การรวบรวมข้อมูล

ข้อจำกัดของการวิจัยทางสังคมศาสตร์

นักวิจัยและจรรยาบรรณการวิจัย

ความหมายของการวิจัย

บุญเรียง ขจรศิลป์ (2533 : 5) ได้ให้ความหมายของคำว่า การวิจัยทางด้านวิชาการ หมายถึง กระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ หรือกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้เพื่อตอบปัญหาที่มีอยู่อย่างมีระบบ และมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “ Research” ถ้าจะแปลตามตัวหมายถึง การค้นหาซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งความหมายของคำว่าวิจัย ทางด้านวิชาการได้มีผู้ให้ความหมายไว้ต่าง ๆ กัน เช่น เบสท์ ( Best, 1981 อ้างถึงใน บุญเรียง ขจรศิลป์ , 2533 : 5) ได้ให้ความหมายของการวิจัยไว้ว่าเป็นวิธีการที่เป็นระบบระเบียบ และมีจุดมุ่งหมายในการวิเคราะห์ และคิดบันทึกการสังเกตที่มีการควบคุมเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปอ้างอิง หลักการหรือทฤษฎีซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการทำงานและการควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้

รัตนะ บัวสนธ์ ( 2543, 3) ได้ให้ความหมายของการวิจัยไว้ว่า เป็นการหาความจริงเชิง สาธารณะด้วยวิธีการที่เรียกว่ากระบวนการวิจัยซึ่งมีลักษณะเป็นระบบมีขั้นตอน ผ่องพรรณ ตรัยมงคลกูล ( 2543 : 21) สรุปความหมายของการวิจัยไว้ว่า การวิจัยคือการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบระเบียบเพื่อทำความเข้าใจปัญหาและแสวงหาคำตอบ เป็นกระบวนการที่อาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก

ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ การวิจัยเป็นวิธีการค้นคว้า และแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการตอบปัญหาต่าง ๆ โดยอาศัยวิธีการที่เชื่อถือได้ดังนั้น การวิจัยจึงหมายถึง กระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ที่เป็น ความจริงเชิงตรรกะ ( Logical) หรือความจริง เชิงประจักษ์ ( Empirical) เพื่อตอบปัญหาอย่างมีระบบ และมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นหลัก

กระบวนการศึกษาค้นคว้าหาคำตอบในการแก้ไขปัญหาโดยวิธีการที่เป็นระบบเชื่อถือได้ตามหลักวิชาการ เน้นการค้นคว้า วิเคราะห์ และสรุปผลข้อมูลเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ เกิดองค์ความรู้ใหม่ หรือข้อค้นพบใหม่

เหตุผลหลักในการวิจัย 1. การวิจัยที่มุ่งแสวงหาความรู้ ( Pure Research) เป็นการวิจัยที่มุ่งแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่ศึกษา เพื่อใช้ทดสอบ หรือสร้างทฤษฎีอธิบายปรากฎการณ์จริง 2. การวิจัยประยุกต์ (Applied Research) เป็นการวิจัยที่มุ่งแสวงหาข้อเท็จจริงระหว่างข้อมูลหรือตัวแปร เพื่อนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง

จุดมุ่งหมายของการวิจัย

เพื่อการทำนาย ( Prediction)

เพื่อการอธิบาย ( Explanation)

เพื่อการบรรยาย ( Describe)

เพื่อการควบคุม ( Control)

เพื่อการพัฒนา ( Development )

ลักษณะสำคัญของการวิจัย 1. มุ่งหาคำตอบเพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหา 2. เน้นการพัฒนาข้อสรุป หรือทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อใช้ทำนายเหตุการณ์ในอนาคต 3. อาศัยข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่สังเกตได้รวบรวมได้ 4. ต้องการเครื่องมือและรวบรวมข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรง 5. เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลใหม่ๆ เพื่อหาคำตอบของวัตถุประสงค์ใหม่

ลักษณะสำคัญของการวิจัย ( ต่อ ) 6. ใช้กิจกรรมในการวิจัยที่กำหนดไว้อย่างมีระบบ 7. ต้องการผู้รู้จริงในเนื้อหาที่จะทำการวิจัย 8. สามารถตรวจสอบความเที่ยงของวิธีการใช้ ข้อมูลที่รวบรวมมาและข้อสรุปที่ได้ 9. สามารถทำซ้ำได้ โดยวิธีเดียวกัน หรือวิธีที่ คล้ายกัน

ลักษณะสำคัญของการวิจัย ( ต่อ ) 10. มีความอดทน เนื่องจากมีความยากลำบากใน การแสวงหาคำตอบ 11. ควรเขียนรายงานด้วยความละเอียด รอบคอบ และมีการบัญญัติความหมายของศัพท์เทคนิค ที่ใช้ 12. มีความซื่อสัตย์ และกล้าหาญในการรายงาน ผลการวิจัย

ข้อจำกัดของการวิจัย 1. ความซับซ้อนของเนื้อหาหรือปัญหาที่จะศึกษา 2. ความยากในการรวบรวมข้อมูล 3. ความยากในการทำซ้ำ 4. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักวิจัยและสมาชิกในกลุ่ม ตัวอย่าง หรือกลุ่มประชากรมีผลกระทบต่อ ผลการวิจัย 5. ความยากในการควบคุมตัวแปรเกิน

1. ช่วยส่งเสริมความรู้ทางด้านวิชาการและศาสตร์สาขาต่าง ๆ ให้มีการค้นคว้าข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าการวิจัยจะทำให้มีการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมซึ่งทำให้วิทยาการ ต่าง ๆ เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ทั้งตัวผู้วิจัยและผู้นำเอาเอกสารการวิจัยไปศึกษา 2. นำความรู้ที่ได้จากการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติ หรือแก้ปัญหาโดยตรง ช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติได้เลือกวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด ก่อให้เกิดการประหยัด 3. ช่วยในการกำหนดนโยบาย หรือหลักปฏิบัติงานต่าง ๆ เป็นไปด้วยความถูกต้อง เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 4. ช่วยให้ค้นพบทฤษฎีและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้มนุษย์ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีความสุขสบาย 5. ช่วยพยากรณ์ผลภายหน้าของสถานการณ์ ปรากฏการณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ประโยชน์ของการวิจัย

ประเภทการวิจัย

แบ่งตามลักษณะข้อมูล

การวิจัยเชิงปริมาณ ( Quantitative Research)

มีลักษณะเป็นตัวเลขแสดงปริมาณและใช้วิธีการทางสถิติวิเคราะห์

การวิจัยเชิงคุณภาพ ( Qualitative Research)

มีลักษณะเป็นข้อความแสดงคุณลักษณะเช่นความคิดเห็น เรื่องราวของปรากฏการณ์ วิธีการวิเคราะห์ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และสรุปประเด็นสำคัญ

แบ่งตามเป้าหมายของการวิจัย

1. การวิจัยพื้นฐาน ( Basic Research)

เป้าหมายเพื่อพิสูจน์ ตรวจสอบ สร้างทฤษฎีใหม่หรือขยายกรอบแนวความคิดทฤษฎีเดิม

2. การวิจัยประยุกต์ ( Applied Research)

ศึกษาประเด็นปัญหาที่มีอยู่ หาแนวทางแก้ปัญหาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว เน้นการนำไปประยุกต์ใช้กับงานจริงได้

ประเภทการวิจัย

แบ่งตามการทดลอง

การวิจัยเชิงทดลอง ( Experimental Research)

ยึดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาวิจัยตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ก่อน โดยการควบคุมตัวแปรหรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตามสภาพจริง

การวิจัยกึ่งทดลอง ( Semi-experimental Research)

ยึดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาวิจัยตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ก่อน โดยการควบคุมตัวแปรหรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพียงบางส่วน

ประเภทการวิจัย

แบ่งตามความมุ่งหมายและวิธีวิจัย

การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ ( Historical Research)

ศึกษา ทำความเข้าใจ อธิบายเหตุการณ์ในอดีต เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับสาเหตุ หรือเพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต

การวิจัยตามสภาพข้อมูล ได้แก่

2.1 การวิจัยเชิงสำรวจ ( Survey Research)

2.2 การวิเคราะห์เอกสาร ( Documentation Analysis )

2.3 การศึกษารายกรณี ( Case Studying )

ประเภทการวิจัย

ประเภทการวิจัยแบ่งตามความมุ่งหมายและวิธีวิจัย

3. การวิจัยเพื่อศึกษาความสัมพันธ์

3.1 การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ ( Correlation Research)

ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป

3.2 การวิจัยเชิงเปรียบเทียบ ( Comparison Research)

ศึกษาความแตกต่างระหว่างกลุ่ม

ประเภทการวิจัย แบ่งตามวัตถุประสงค์ในการวิจัย

การวิจัยเชิงอธิบาย (Explanatory Research )

เน้นการค้นหาสาเหตุ และหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น

2 . การวิจัยเชิงบุกเบิก (Exploratory Research ) เน้นศึกษา เชิงลึกเกี่ยวกับวิทยาการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีการศึกษามาก่อน

แบ่งตามบทบาทของผู้วิจัย

การวิจัยแบบมีส่วนร่วม ( Participatory Research)

ผู้วิจัยเข้าไปมีส่วนร่วมกับการวิจัยอย่างสมบูรณ์

การวิจัยแบบไม่มีส่วนร่วม ( Non-participatory Research)

ผู้วิจัยศึกษาและรวบรวมข้อมูลในฐานะผู้วิจัย ที่อยู่ภายนอกกลุ่ม

ประเภทการวิจัย

แบ่งตามลักษณะวิชา

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ( Scientific Research)

ศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต

การวิจัยทางสังคมศาสตร์ ( Social Research)

ศึกษาสภาพแวดล้อม สังคม ประเพณี วัฒนธรรมและพฤติกรรมของมนุษย์

ประเภทการวิจัย

ขั้นตอนในการวิจัย 1. การเลือกหัวข้อปัญหา 2. การกำหนดขอบเขตของปัญหา 3. การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4. การกำหนดสมมติฐาน 5. การเขียนเค้าโครงการวิจัย 6. การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล 7. การเก็บรวบรวมข้อมูล

ขั้นตอนในการวิจัย ( ต่อ ) 8. การจัดกระทำข้อมูล 8.1 การใส่ข้อมูล 8.2 การประมวลผล 8.3 ผลลัพธ์ 9. การสรุปผลการวิจัยและเขียนรายงาน 9.1 บทนำ 9.2 การตรวจสอบเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9.3 วิธีการดำเนินการวิจัย 9.4 ผลการวิจัย 9.5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

เครื่องมือและเทคนิคในการรวบรวมข้อมูล โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. เครื่องมือที่เป็นอุปกรณ์ (Materials) 2. เครื่องมือที่ใช้เป็นตัววัด (Measures)

จรรยาบรรณของนักวิจัย

ต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและ

การจัดการ

2. ต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำงานวิจัย ตาม ข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัย และต่อหน่วยงานที่สังกัด

3. ต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย

4. ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต

จรรยาบรรณของนักวิจัย ( ต่อ ) 5. ต้องเคารพศักดิ์ศรี และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่าง ในการวิจัย 6. ต้องมีอิสระทางความคิดโดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอน ของการทำวิจัย 7. เผยแพร่ผลงานวิจัยใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ 8. เคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น 9. มีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น