วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 1

การพัฒนาสื่อประสม วิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม ระดับประถม
บทที่ ๑
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมา
ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ภาษาไทยยังเป็นสื่อที่แสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี ชีวทัศน์ โลกทัศน์ และสุนทรียภาพ โดยบันทึกไว้เป็นวรรณคดีและวรรณกรรมอันล้ำค่า ภาษาไทยจึงเป็นสมบัติของชาติที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป (กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, 2545)
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทยดังกล่าว จึงได้กำหนดคุณภาพของผู้เรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เมื่อเรียนจบหลักสูตรว่าต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ สร้างภาษาสื่อสารได้ อ่าน เขียน ฟัง ดู และพูด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, 2545) โดยทักษะที่ผู้เรียนควรได้รับการส่งเสริมและฝึกฝนเป็นอันดับแรกคือ การอ่าน โดยถือว่าการอ่านเป็นศูนย์กลางหรือหัวใจที่จะช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา ส่งเสริมผู้เรียนให้รู้จักใช้กระบวนการคิดอันเป็นทางนำไปสู่การพัฒนาการฟัง การพูด และการเขียนและใช้ภาษาได้ดี
การอ่าน เป็นทักษะทางภาษาที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการศึกษาหาความรู้และความบันเทิงใจให้กับตนเอง การอ่านจึงเป็นประโยชน์ให้แก่มนุษย์โดยตรงในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะนักเรียน นักเรียนจำเป็นต้องใช้การอ่านเป็นประจำ เพื่อศึกษาหาความรู้จากหนังสือและจากตำราเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถในการอ่านออกเขียนได้จึงได้เปรียบ และสามารถติดต่อสื่อสารทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมได้ผลดีกว่าผู้อื่นที่อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ (กองเทพ เคลื่อนพณิชกุล, 1542)
แต่ปัจจุบันสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาระการอ่าน ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งจากการสำรวจนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 2 ของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 637,004 คน พบว่า มีนักเรียนที่มีปัญหาอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ถึง 79,358 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 12.45 ทั้งนี้มีนักวิชาการและนักวิจัยหลายท่านที่ได้วิจัยและรายงานปัญหาดังกล่าวนี้ ดังเช่นประทีป แสงเปี่ยมสุข (2546) ได้รายงานผลการวิจัยสภาพการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมศึกษาของกองวิจัยทางการศึกษา กรมวิชาการ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางเรียนภาษาไทยของนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ สมรรถภาพที่มีปัญหา ได้แก่ ทักษะการอ่านและเขียน จากการทดสอบวัดความสามารถในการอ่านนักเรียนชั้นประถมศึกษา ของกรมวิชาการพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และจะเห็นได้ว่าเด็กที่ล้มเหลวทางการเรียนนั้นมักเนื่องมาจาก ปัญหาการอ่านหนังสือไม่ได้เป็นสำคัญ อีกทั้งการประเมินเชิงวินิจฉัยข้อบกพร่องทางด้านภาษาของนักเรียนชั้น ป.2 ในปีการศึกษา 2541 ได้ศึกษากับประชากร จำนวน 788,800 คน พบข้อบกพร่องของนักเรียนดังนี้ การอ่านออกเสียง บกพร่องเรื่อง การอ่านถูกต้อง การเว้นวรรคตอนในการอ่าน การอ่านจับใจความ บกพร่องในเรื่องความหมายของคำ/กลุ่มคำ การลำดับเรื่อง/เหตุการณ์ และการสรุปสาระสำคัญ
สภาพการใช้ภาษาไทยเช่นนี้ หากไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว จะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมทางภาษาของไทยในที่สุด ดังที่มานิตย์ ไชยกิจ (2542) ได้กล่าวว่าการระงับยับยั้งสภาวะการอ่านหนังสือไม่ออกของนักเรียนในระบบโรงเรียนสามารถทำได้โดยการสอนซ่อมเสริมวิชาภาษาไทยแก่นักเรียนที่อ่านหนังสือไม่ออก โดยการนำสื่อและเทคนิควิธีการสอนที่มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทยได้ดีนั้น จะต้องเป็นสื่อที่สนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนให้มากที่สุดและมีกระบวนการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่เป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่นำเสนอเนื้อหาสาระการเรียนรู้ได้หลายรูปแบบ ผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้การมีรูปแบบวิธีการเรียนการสอนที่ดีย่อมสามารถช่วยให้นักเรียนที่มีระดับผลการเรียนแตกต่างกันให้ได้รับความสำเร็จในการเรียนรู้ตามเกณฑ์ที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (พิไลรัตน์ ชูวิจิตร, 2544)
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของสื่อประสมที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพทางการเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงมีความสนใจในการนำสื่อประสมเข้ามาช่วยเสริมในเรื่องของการเรียนการสอน และเล็งเห็นว่าจะเป็นเครื่องมือนำไปสู่ความสำเร็จ และเป็นตัวกระตุ้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลเรื่องการอ่านของนักเรียนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งผู้วิจัยมีความคาดหวังว่าสื่อประสมที่พัฒนานี้จะเป็นสิ่งดึงดูดใจนักเรียนในระดับชั้นนี้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเพื่อศึกษาผลของการใช้สื่อประสมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนที่เรียนจากสื่อประสมที่พัฒนาขึ้นมา ว่ามีประสิทธิภาพตามที่กำหนดไว้หรือไม่ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในวิชานี้ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น