วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หลักการทำหนังสั้น

ผมนะครับ ชอบในการตัดต่อวีดีโอมากครับ และฝันไว้ว่าอยากทำ MV ซักเพลง แต่ก็เคยทำแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนอยู่ปี 2 แต่ไม่ค่อย OK เท่าไหร่ แต่พอมาปี 3 ก็ได้เรียน วิชา การออกแบบและผลิตวีดีโอทัศน์การศึกษา โดยมีท่าอาจารย์เหมราช ธนะปัทม์ กับ ท่าอาจารธนดลภูสีฤทธิ์ เป็นอาจารย์ประจำวิชา แล้วอาจารย์ก็ให้โปรเจคใหญ่กับพวกเราคือ ผลิตสารคดี กับหนังสั้น งานกลุ่มครับ (งานกลุ้มด้วย) แล้วผมก็อยู่กลุ่มกับเพื่อนๆ พี่ ด้วยกัน 7 คน มีผมเป็นผู้ชายคนเดียว (ด้วย) ตอนแรกนะครับคิดว่าจะทำหนัง ดราม่า ก็ตอนนั้นอาจารย์ให้ส่งแนวของหนังว่าจะทำแบบไหน คิดยังไม่ออกครับ ส่วนสารคดี ก็จะทำเกี่ยวกับการจราจร นี่ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันครับ วันนั้นก็เลย ส่งเรื่องไปแบบนั้น แต่พอมาประชุมกันในกลุ่ม ก็ได้มีการเสนอความคิดของแต่คน เอาอย่างนั้นดีมั้ย อย่างนี้ดีมั้ย แล้วสรุปวันนั้นก็ได้คิดแต่เรื่องของหนังสั้น แล้วก็ได้เรื่องว่า ภัยจากโลกออนไลน์ วันนั้นเขียนบทเขียนรัย เสร็จเรียบร้อยเลย เขียนเนื้อเรื่อง เขียนบท เลือกนักแสดง สถานที่ เสื้อผ้า ชื่อตัวละคร แต่ยังไม่ได้ถ่าย สารคดีก็ไม่ได้คิดเลย เพราะว่ากะจะทำหนังสั้นให้เสร็จก่อน แต่สองสัปดาต่อมา ได้เปลี่ยนแนวคิดใหม่ ทำสารคดีก่อน แล้วก็เปลี่ยนแนวสารคดีจากจะไปถ่ายตามท้องถนนในเมืองเลือกไปป่าแทน (คนละฟากเลย) แล้วในที่สุดเราก็ทำสารคดีเสร็จก่อนหนังสั้น หลังจากที่ทำสารคดีเสร็จแล้วเราก็ไปถ่ายหนังสั้นกันวันแรก ในสัปดาต่อมา แต่ก็มีปัญหาเยอะมาก สถานที่ไม่อำนวย ฟ้าไม่อำนวย เพื่อนในกลุ่มไม่ค่อยเข้าใจในเนื้อหา ก็อย่างว่าล่ะครับงานกลุ่ม คนเราความคิดไม่เหมือนกัน แต่เราก็ทำงานด้วยกันได้เหมือนเดิม (เพราะคำว่าเพื่อนงัยครับ) และแล้ววันนั้นก็ไม่ถ่าย ไม่เอาเรื่องนั้นเลย นี่แหล่ะคือสาเหตุของการเปลี่ยนเรื่องของหนังสั้นกลุ่มเรา และเรื่องที่สองก็เป็นเกี่ยวกับ รับใสๆ แต่ก็ได้ถ่ายแป๊บเดียว ดูๆแล้วมันก็เหมือนกับกลุ่มอื่น ก็ไม่เอาอีกล่ะครับ ก่อนที่จะได้เรื่องที่ 3 หนึ่งอาทิตย์ มีคนส่ง FW มาที่เมลล์ผม ผมได้อ่านดูเนื้อเรื่อง ดูๆก็ดีนะครับ แต่ยังไม่เลือก ผมเลยถาม ดร.Google ว่า เนื่อเรื่องสั้นๆๆ ก็ได้มาหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ OK เท่าไหร่ ก็เลยตัดสินเอา เรื่อง เหรียญ 10 บาท นี่แหล่ะครับ แล้วผมก็ไปดูหลักการต่างๆ ของการทำหนังสั้น มีคนกล่าวไว้เยอะมากครับ อาจเป็นทางการ และไม่เป็นทางการนะครับ มาดูกันครับ

จาก http://shortfilm609.exteen.com/20080528/entry-2 ครับ

หนังสั้น คือ หนังยาวที่สั้น ก็คือการเล่าเรื่องด้วยภาพและเสียงที่มีประเด็นเดียวสั้น ๆ แต่ได้ใจความ

ศิลปะการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย ละคร หรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่มีรากฐานแบบเดียวกัน นั่นคือ การเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของมนุษย์หรือสัตว์ หรือแม้แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นช่วงเวลาหนึ่งเวลาใด ณ สถานที่ใดที่หนึ่งเสมอ ฉะนั้น องค์ประกอบที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ตัวละคร สถานที่ และเวลา

สิ่งที่สำคัญในการเขียนบทหนังสั้นก็คือ การเริ่มค้นหาวัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจให้ได้ ว่าเราอยากจะพูด จะนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับอะไร ตัวเราเองมีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ อย่างไร ซึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนบทที่เราสามารถนำมาใช้ได้ก็คือ ตัวละคร แนวความคิด และเหตุการณ์ และควรจะมองหาวัตถุดิบในการสร้างเรื่องให้แคบอยู่ในสิ่งที่เรารู้สึก รู้จริง เพราะคนทำหนังสั้นส่วนใหญ่ มักจะทำเรื่องที่ไกลตัวหรือไม่ก็ไกลเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้

เมื่อเราได้เรื่องที่จะเขียนแล้วเราก็ต้องนำเรื่องราวที่ได้มาเขียน Plot (โครงเรื่อง) ว่าใคร ทำอะไร กับใคร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร เพราะอะไร และได้ผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูล หรือวัตถุดิบที่เรามีอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนว่ามีแนวคิดมุมมองต่อชีวิตคนอย่างไร เพราะความเข้าใจในมนุษย์ ยิ่งเราเข้าใจมากเท่าไร เราก็ยิ่งทำหนังได้ลึกมากขึ้นเท่านั้น

และเมื่อเราได้เรื่อง ได้โครงเรื่องมาเรียบร้อยแล้ว เราก็นำมาเป็นรายละเอียดของฉาก ว่ามีกี่ฉากในแต่ละฉากมีรายละเอียดอะไรบ้าง เช่นมีใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ไปเรื่อย ๆ จนจบเรื่อง ซึ่งความจริงแล้วขั้นตอนการเขียนบทไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากมาย เพราะมีการกำหนดเป็นแบบแผนไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยาก มาก ๆ ก็คือกระบวนการคิด ว่าคิดอย่างไรให้ลึกซึ้ง คิดอย่างไรให้สมเหตุสมผล ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้ไม่มีใครสอนกันได้ทุกคน ต้องค้นหาวิธีลองผิดลองถูก จนกระทั่ง ค้นพบวิธีคิดของตัวเอง

การเตรียมการและการเขียนบทภาพยนตร์
การเขียนบทภาพยนตร์เริ่มต้นที่ไหน เป็นคำถามที่มักจะได้ยินเสมอสำหรับผู้ที่เริ่มหัดเขียนบทภาพยนตร์ใหม่ ๆ เช่น ควรเริ่มช็อตแรก เห็นยานอวกาศลำใหญ่แล่นเข้ามาขอบเฟรมบนแล้วเลยไปสู่แกแล็กซี่เบื้องหน้าเพื่อให้เห็นความยิ่งใหญ่ของจักรวาล หรือเริ่มต้นด้วยรถที่ขับไล่ล่ากันกลางเมืองเพื่อสร้างความตื่นเต้นดี หรือเริ่มต้นด้วยความเงียบมีเสียงหัวใจเต้นตึกตัก ๆ ดี หรือเริ่มต้นด้วยความฝันหรือเริ่มต้นที่ตัวละครหรือเหตุการณ์ดี เหล่านี้เป็นต้น บางคนบอกว่ามีโครงเรื่องดี ๆ แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มอย่างไร
การเริ่มต้นเขียนบทภาพยนตร์ เราต้องมีเป้าหมายหลักหรือเนื้อหาเป็นจุดเริ่มต้นการเขียน เราเรียกว่าประเด็น (Subject) ของเรื่อง ที่ต้องชัดเจนแน่นอน มีตัวละครและแอ็คชั่น ดังนั้น นักเขียนควรเริ่มต้นจากจุดนี้พร้อมด้วยโครงสร้าง (Structure) ของบทภาพยนตร์
ประเด็นอาจเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ เช่น มนุษย์ต่างดาวเข้ามาเยือนโลกแล้วพลัดพลาดจากยานอวกาศของตน ไม่สามารถกลับดวงดาวของตัวเองได้ จนกระทั่งมีเด็ก ๆ ไปพบเข้าจึงกลายเป็นเพื่อนรักกัน และช่วยพาหลบหนีจากอันตรายกลับไปยังยานของตนได้ นี่คือเรื่อง E.T. – The Extra-Terrestrial (1982) หรือประเด็นเป็นเรื่องของนักมวยแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่สูญเสียตำแหน่งและต้องการเอากลับคืนมา คือเรื่อง Rocky III หรือนักโบราณคดีค้นพบโบราณวัตถุสำคัญที่หายไปหลายศตวรรษ คือเรื่อง Raider of the Lost Ark (1981) เป็นต้น
การคิดประเด็นของเรื่องในบทภาพยนตร์ของเราว่าคืออะไร ให้กรองแนวความคิดจนเหลือจุดที่สำคัญมุ่งไปที่ตัวละครและแอ็คชั่น แล้วเขียนให้ได้สัก 2-3 ประโยค ไม่ควรมากกว่านี้ และที่สำคัญไม่ควรกังวลในจุดนี้ว่าจะต้องทำให้บทภาพยนตร์ของเราถูกต้องในแง่ของเรื่องราว แต่ควรให้มันพัฒนาไปตามแนวทางของขั้นตอนการเขียนจะดีกว่า
สิ่งแรกที่เราควรฝึกเขียนคือต้องบอกให้ได้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เช่น เรื่องเกี่ยวกับความดีและความชั่วร้าย หรือเกี่ยวกับความรักของหนุ่มชาวกรุงกับหญิงบ้านนอก ความพยาบาทของปีศาจสาวที่ถูกฆาตกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดที่ยังขาดแง่มุมของการเขียนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จึงต้องชัดเจนมากกว่านี้ โดยเริ่มที่ตัวละครหลักและแอ็คชั่น ดังนั้นประเด็นของเรื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญของจุดเริ่มต้นการเขียนบทภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม การเขียนบทภาพยนตร์สำหรับนักเขียนหน้าใหม่ ควรค้นหาสิ่งที่น่าสนใจจากสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของนักเขียนเอง เขียงเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองรู้ ทำให้ได้รายละเอียดในเชิงลึกของเนื้อหา เกิดความจริง สร้างความตื่นตะลึงได้ เช่นเรื่องในครอบครัว เรื่องของเพื่อนบ้าน เรื่องในที่ทำงาน ของตนเอง เรื่องในหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นต้น



ดังนั้นขั้นตอนสำหรับการเขียนบทภาพยนตร์สามารถสรุปได้คือ

1. การค้นคว้าหาข้อมูล (research) เป็นขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรกที่ต้องทำถือเป็นสิ่งสำคัญหลังจากเราพบประเด็นของเรื่องแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเสริมรายละเอียดเรื่องราวที่ถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติมากขึ้น คุณภาพของภาพยนตร์จะดีหรือไม่จึงอยู่ที่การค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าภาพยนตร์นั้นจะมีเนื้อหาใดก็ตาม

2. การกำหนดประโยคหลักสำคัญ (premise) หมายถึงความคิดหรือแนวความคิดที่ง่าย ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นถ้า...” (what if) ตัวอย่างของ premise ตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด เช่น เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ & จูเลียตเกิดขึ้นในนิวยอร์ค คือ เรื่อง West Side Story, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก คือเรื่อง The Invasion of Mars, เกิดอะไรขึ้นถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือเรื่อง The Independence Day, เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ & จูเลียตเกิดขึ้นบนเรือไททานิค คือเรื่อง Titanic เป็นต้น

3. การเขียนเรื่องย่อ (synopsis) คือเรื่องย่อขนาดสั้น ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด หรือหนึ่งย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น story outline เป็นร่างหลังจากที่เราค้นคว้าหาข้อมูลแล้วก่อนเขียนเป็นโครงเรื่องขยาย (treatment)

4. การเขียนโครงเรื่องขยาย (treatment) เป็นการเขียนคำอธิบายของโครงเรื่อง (plot) ในรูปแบบของเรื่องสั้น โครงเรื่องขยายอาจใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์ บางครั้งอาจใช้สำหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย และการเขียนโครงเรื่องขยายที่ดีต้องมีประโยคหลักสำหคัญ (premise) ที่ง่าย ๆ น่าสนใจ

5. บทภาพยนตร์ (screenplay) สำหรับภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (script) ซีเควนส์หลัก (master scene/sequence)หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่อง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทำ (shooting script) เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้วอย่างมีขั้นตอน ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง เช่น บทสนทนาอยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานที่ อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลขกำกับช็อต และโดยหลักทั่วไปบทภาพยนตร์หนึ่งหน้ามีความยาวหนึ่งนาที

6. บทถ่ายทำ (shooting script) คือบทภาพยนตร์ที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay) ได้แก่ ตำแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (dissolve) การกวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเลขลำดับช็อตกำกับเรียงตามลำดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง

7. บทภาพ (storyboard) คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือการ์ตูน ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่องมีคำอธิบายภาพประกอบ เสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น ใช้เป็นแนวทางสำหรับการถ่ายทำ หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing) ก่อนการถ่ายทำว่า เมื่อถ่ายทำสำเร็จแล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทของ Walt Disney นำมาใช้กับการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยเขียนภาพ เหตุการณ์ของแอ็คชั่นเรียงติดต่อกันบนบอร์ด เพื่อให้คนดูเข้าใจและมองเห็นเรื่องราวล่วงหน้าได้ก่อนลงมือเขียนภาพ ส่วนใหญ่บทภาพจะมีเลขที่ลำดับช็อตกำกับไว้ คำบรรยายเหตุการณ์ มุมกล้อง และอาจมีเสียงประกอบด้วย

การเขียนบทภาพยนตร์จากเรื่องสั้น
การเขียนบทอาจเป็นเรื่องที่นำมาจากเรื่องจริง เรื่องดัดแปลง ข่าว เรื่องที่อยู่รอบ ๆ ตัว นวนิยาย เรื่องสั้น หรือได้แรงบันดาลใจจากความประทับใจในเรื่องราวหรือบางสิ่งที่คนเขียนบทได้สัมผัส เช่น ดนตรี บทเพลง บทกวี ภาพเขียน และอื่น ๆ ซึ่งบทภาพยนตร์ต่อไปนี้ได้แปลมาจากเรื่องสั้นในนิตยสาร The Mississippi Review โดย Robert Olen Butler เรื่อง Salem แต่ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงมาตรฐานรูปแบบการเขียนบทภาพยนตร์ว่ามีการเขียนและการจัดหน้าอย่างไร ขอให้ศึกษาได้ใบทภาพยนตร์โดยทั่วไป



------------------------------------------------------------



ที่มาของข้อมูล :
หนังสือ “นักสร้าง สร้างหนัง หนังสั้น” หน้า 113- 116
http://shortfilm609.exteen.com/20080528/entry-2

จากเว็บบอร์ด PANTIP.COM ครับ

ก็ ควรจะมีประเด็น(หรือ แก่น(Theme))ของหนัง หมายความว่า เราต้องการจะสื่อเรื่องอะไรหรืออยากจะบอกอะไร ให้คนดูได้รับรู้ ไม่จำเป็นต้องดรามา แก่นของเรื่องจะเป็นอะไรก็ได้เช่น แนวสะท้อนสังคมหรือเสียดสีสังคม การเสียสละ หรืออย่างเช่นการเปลี่ยนแปลง เนื้อเรื่องอาจจะพูดถึงคนรุ่นปู่ย่ากับหลานสาวเด็กแนว......อะไรยังเงี้ย......การมีประเด็นมีแก่นของเรื่อง เราว่าเนี่ยสำคัญ ถ้าเรามีประเด็นแล้ว หนังจะให้ออกมาแนวไหนก็ได้ ตลกโปกฮา ดราม่าเศร้าโคตร หรือบ้าๆ เซอเซอก็ได้ ขอแค่ไม่หลุดประเด็นหลักของเรื่อง

ต้องเขียนบทหนังได้ครับ สามารถสร้างโครงสร้างในการเล่าเรื่องได้ขัดเกลาตัวละครให้ดี สร้างแอคชั่นภายในระยะเวลาสั้นๆให้ตัวละครมีพัฒนาการในระยะเวลาที่สั้นๆ ในหนังสั้นเหตุการณ์ในเรื่องต้องดี มีบทแล้วก็ต้องมีนักแสดงครับนอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของเทคนิค การใช้กล้อง การจัดแสง การบริหารการจัดการกองถ่าย เทคนิคการตัดต่อและทำเสียง ออกมากลายเป็นหนัง1เรื่องครับ


หนังคือ การเล่าเรื่องประเภทหนึ่ง เหมือนการเล่านิทานหรือการเขียนหนังสือหนะแหละ เพียงนี้เป็นการเล่าด้วยภาพเคลื่อนไหวเท่านั้นเอง

ก่อนจะเล่าเรื่อง คุณก็ต้องมีเรื่องที่จะเล่าซะก่อน ออกไปหน้าปากซอยตอนดึกๆ เอาขวดเหล้าฟาดกระบาลคนแถวนั้นดู รับรองได้เรื่อง (อาจจะได้เหล้าด้วย) ^_^

หนังสั้นเดียวนี้ทำไม่ยากแล้ว อยู่ที่จะทำเมื่อไหร ก็แค่นั้น


www.thaishortfilm.com

ลองเข้าไปศึกษา จากเวปนี่ ครับ
เพราะ เป้นเวปสำหรับ คอหนังสั้นโดยเฉพาะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น